ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของสลักภัณฑ์ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคเทคโนโลยีสมัยใหม่

     สลักภัณฑ์คือ อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับยึดวัตถุทั้ง 2 ชนิด ขึ้นไปเข้าด้วยกัน คุณอาจพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่เสื้อผ้าที่เราใส่ รถยนต์ที่เราขับ ไปจนถึงตึก อาคาร ที่พักอาศัยของเรา แต่คุณเคยสงสัยไหมว่าสลักภัณฑ์เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?

     ผู้คนในสมัยโบราณยึดวัตถุทั้ง 2 ชนิดเข้าด้วยกันได้อย่างไร? มีพัฒนาการอย่างไรบ้างในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา? นอตสกรูทำงานอย่างไรในยุคเทคโนโลยีสมัยใหม่?

     สำหรับบทความนี้ เราจะมาค้นหาคำตอบของประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจของสลักภัณฑ์ ตั้งแต่ในสมัยโบราณไปจึงถึงยุคเทคโนโลยีสมัยใหม่ไปพร้อมกัน

ต้นกำเนิดของสลักภัณฑ์

     สลักภัณฑ์ในรูปแบบแรกเริ่มนั้นค่อนข้างมีความเรียบง่ายและทำจากธรรมชาติ เช่น เส้นเอ็นจากสัตว์ กระดูก หนามและเส้นใยจากพืช ผู้คนมักใช้วัสดุเหล่านี้ในการผูก เย็บ หรือนำมาทอเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่มต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ชาวอียิปต์โบราณใช้ด้ายลินินในการนำมาเย็บผ้าหรือหนังสัตว์เข้าด้วยกัน ชาวจีนโบราณใช้เส้นไหมมาถักทอเสื้อผ้าเพื่อใช้สำหรับนุ่งห่ม ชาวโรมันโบราณใช้ลําไส้ของสัตว์ในการเย็บแผลผ่าตัด

     นอตสกรูชนิดแรกๆที่ถือกำเนิดขึ้น คาดว่าน่าจะเป็นตะปู ปิ้น และหมุดย้ำ โดยนำโลหะมาทำให้เกิดรูปร่างในรูปแบบที่ต้องการ แล้วนำมาเจาะผ่านวัตถุทั้ง 2 ชนิดเข้าด้วยกัน

     ตะปูโลหะที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุย้อนกลับไปประมาณ 3,500 ปีก่อนคริสตศักราชในสมัยอียิปต์โบราณและยุคเมโสโปเตเมีย

     ปิ้นโลหะและหมุดย้ำ ยังถูกนำมาใช้ในอารยธรรมโบราณด้วยเช่นกัน เช่น ในสมัยชาวกรีกและชาวเปอร์เซีย ปิ้นโลหะถูกนำมาทำเป็นเครื่องประดับ ชุดเกราะ และอาวุธ

รูปภาพด้านล่างเป็นชุดเกราะในยุคกลางซึ่งนิยมใช้ปิ้นและหมุดย้ำมาทำชุดเกราะ

การคิดค้นนอตสกรู

     นอตสกรูเป็นหนึ่งในสลักภัณฑ์ที่สำคัญและสามารถใช้งานได้หลากหลายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นอุปกรณ์ยึดจับชนิดหนึ่งที่มีเกลียว ทรงกระบอก สามารถขันเข้ากับวัตถุต่าง ๆ ได้ สกรูช่วยสร้างการยึดจับที่แข็งแรงและมั่นคงระหว่างวัตถุทั้ง 2 ชนิดเข้าด้วยกัน รวมทั้งยังสามารถช่วยปรับระยะห่างของวัตถุให้อยู่ในตำแหน่งที่เราต้องการได้ด้วย

     เชื่อกันว่าสกรูถูกสร้างขึ้นมาประมาณ 400 ปีก่อนคริสตศักราช โดย Archytas of Tarentum นักปรัชญาและนักคณิตศาสตร์ชาวกรีก เขาใช้หลักการสกรูเพื่อสร้างอุปกรณ์ที่สามารถยกน้ำจากระดับต่ำไปสู่ระดับที่สูงขึ้น หรือที่เรียกว่าที่ลักน้ำรูปแบบสกรู หรือสกรูของอาร์คิมิดีส ต่อมา Archimedes นักคณิตศาสตร์และวิศวกรชาวกรีกอีกคนหนึ่ง ได้ปรับปรุงและใช้ที่ลักน้ำนี้เพื่อการชลประทานและการระบายน้ำ

     อย่างไรก็ตาม ตัวยึดอย่างสกรูยังไม่เป็นที่รู้จักของผู้คนอย่างแพร่หลาย จนกระทั่งเมื่อถึงศตวรรษที่ 15 ได้มีการนำสกรูและนอตมาใช้เพื่อต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรก สกรูและนอตชิ้นแรกทำด้วยมือ จึงมีรูปร่างและขนาดไม่เท่ากัน ในช่วงเวลานี้ยังมีการประดิษฐ์ไขควงซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับขันสกรูเข้า-ออกอีกด้วย

การปฏิวัติอุตสาหกรรมและอื่น ๆ

     การปฏิวัติอุตสาหกรรมและอื่น ๆ เกิดขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ถึง ศตวรรษที่ 19 เป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสังคมอย่างรวดเร็ว ทำให้โลกเปลี่ยนไป นอกจากนี้ยังส่งผลสำคัญต่อการพัฒนานอตสกรู เมื่อมีการคิดค้นเครื่องจักรและวิธีการใหม่สำหรับการผลิตและวิธีการใหม่ในการผลิตและใช้นอตสกรูอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น

     หนึ่งในนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการกำหนดมาตรฐานของนอตสกรู ซึ่งหมายความว่านอตสกรูที่มีประเภทและขนาดเดียวกัน จะมีข้อกำหนดที่เหมือนกัน ทำให้การผลิตและจัดจำหน่าย รวมถึงการซ่อมบำรุงเป็นเรื่องง่ายขึ้นและราคาถูกลง

     มาตรฐานแรกสำหรับนอตสกรู ถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 โดยองค์กรระดับชาติและนานาชาติ โดยมาตรฐานที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงนี้ คือ British Standard Whitworth (BSW), American National Standard (ANSI) และ International Organization for Standardization (ISO) เป็นต้น

     นวัตกรรมที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การคิดค้นประเภทและวัสดุใหม่ของนอตสกรู ซึ่งขยายขอบเขตการใช้งานของนอตสกรูให้กว้างขึ้น นอตสกรูรูปแบบใหม่ประกอบด้วย โบลท์ สกรู นอต แหวนรอง หมุด รีเวท ลวดเย็บ ตะขอ และซิป เป็นต้น เช่นเดียวกับวัสดุใหม่ของนอตสกรู ได้แก่ สแตนเลส ทองเหลือง ทองแดง อลุมิเนียม ไทเทเนียม และพลาสติก

นอตสกรูในยุคเทคโนโลยีสมัยใหม่

     นอตสกรูยังคงมีบทบาทที่สำคัญในยุคเทคโนโลยีสมัยใหม่ เนื่องจากมีการใช้งานในอุตสาหกรรมแทบทุกภาคส่วน เช่น การบินและอวกาศ ยานยนต์ การก่อสร้าง อิเล็กทรอนิกส์ การแพทย์ และการทหาร นอตสกรูได้รับการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการและความท้าทายใหม่ๆที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของเทคโนโลยีสมัยใหม่

แนวโน้มและการพัฒนาของนอตสกรูในยุคนี้ มีดังนี้

• นอตสกรูอัจฉริยะ ซึ่งเป็นนอตสกรูที่สามารถรับรู้ สื่อสาร หรือตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอกได้ เช่น อุณหภูมิ  แรงดันหรือการสั่นสะเทือน นอตสกรูอัจฉริยะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ด้านความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือของระบบนอตสกรูที่ดีได้ โดย มีคุณสมบัติการ การตอบสนอง ติดตาม หรือการควบคุม ในระหว่างการใช้งาน

        ตัวอย่างเช่น SmartBolt® จาก STI ที่ระบบสีในตัวที่ช่วยแสดงถึงแรงขัน ระบบนี้ช่วยให้ผู้ใช้ทราบว่าโบลท์หลวมหรือแน่นได้ในพริบตา

• นอตสกรูที่มีน้ำหนักเบา คือ นอตสกรูที่มีอัตราส่วนน้ำหนักต่อความแข็งแรงต่ำ หมายความว่า แข็งแรงแต่เบา นอตสกรูน้ำหนักเบา จะช่วยให้สามารถลดน้ำหนักโดยรวมและลดการสิ้นเปลืองของเชื้อเพลิงได้ มักพบเจอใน ยานพาหนะ อากาศยาน และโดรน รวมทั้งเพิ่มความรวดเร็ว ความคล่องตัว และเพิ่มประสิทธิภาพ

        ตัวอย่างเช่น นอตพลาสติก ไทเทเนียม และอลูมิเนียม

• สลักภัณฑ์ที่ไม่มีเกลียวและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นสลักภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำ ซึ่งหมายความว่าสลักภัณฑ์นั้นทำมาจากวัสดุหมุนเวียนที่สามารถ รีไซเคิล หรือย่อยสลายทางชีวภาพได้ อีกทั้งยังใช้ทรัพยากรในการผลิตน้อยลง มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถช่วยลดการเกิดขยะและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ เช่นเดียวกับการปกป้องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนบนโลกใบนี้ได้

        ตัวอย่างเช่น ซิป ป้ายผ้า และลวดเย็บพลาสติกหมุนเวียน จากบริษัทบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ

บทสรุป

     สลักภัณฑ์คือ อุปกรณ์ที่ช่วยให้การยึดวัตถุที่มากกว่า 2 ชนิดเข้าด้วยกัน ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานและน่าสนใจมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงยุคเทคโนโลยีสมัยใหม่ในปัจจุบัน สลักภัณฑ์มีวิวัฒนาการจากวัสดุที่เรียบง่ายและผลิตจากธรรมชาติ เช่น เอ็นสัตว์และเส้นใยจากพืช ไปจนถึงอุปกรณ์ที่ซับซ้อน เช่น นอตสกรูอัจฉริยะและนอตสกรูน้ำหนักเบา นอกจากนี้ นอตสกรูยังมีความหลากหลายขึ้นอยู่กับการใช้งาน ตั้งแต่ตะปูและสกรูไปจนถึงซิปและคลิปหนีบ

     นอตสกรูเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตประจำวันของเรา เนื่องจากช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์ เชื่อมต่อ และปรับเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ได้ นอตสกรูเป็นฮีโร่ในโลกของเราอย่างแท้จริง แม้จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ แต่ก็ส่งผลสำคัญต่ออุตสาหกรรมโลกเป็นอย่างมาก