ทำไมนอตเกลียวมิล ถึงดีกว่า นอตเกลียวนิ้ว? แล้วเหตุใดนอตเกลียวมิลจึงถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในโลกอุตสาหกรรม?

สำหรับนอตสกรูบนโลกนี้ โดยทั่วไปแล้วจะมีหน่วยวัดอยู่ประมาณ 2 แบบ คือ หน่วยมิลและหน่วยนิ้ว

หน่วยเมตริก (หน่วยมิล)

     มีหน่วยวัด เช่น มม. (มิลลิเมตร) หรือ ซม. ตัวอย่างเช่น สกรูหัวจม M12 x 1.75p x 50

หน่วยอิมพีเรียล (หน่วยนิ้ว)

     มีหน่วยวัด เช่น นิ้ว หรือ ฟุต ตัวอย่างเช่น สกรูหัวจม ½”-13 x 2”

     แล้วอะไรคือความแตกต่างของหน่วยวัดทั้ง 2 แบบกันล่ะ? โดยหน่วยวัดทั้ง 2 แบบนั้น สามารถแปลงค่าไปมาหากันได้ ซึ่งค่าที่ได้จะใกล้เคียงกัน แต่จะมีความแตกต่างที่สำคัญในรายละเอียดบางอย่างซึ่งก็คือ “วิธีการวัดเกลียว” นั้นเอง

หน่วยอิมพีเรียล(หน่วยนิ้ว) จะใช้การวัดแบบ TPI (Threads Per Inch) ซึ่งจะวัดจำนวนเกลียวในระยะ 1 นิ้ว (25.4 มม.) เช่น Socket Cap Screw ½”-13 x 2” สกรูนี้จะมี 13 เกลียวต่อระยะ 1 นิ้ว สำหรับ UNC (Unified coarse) หรืออีกนัยหนึ่งคือเกลียวปกติสำหรับหน่วยนิ้ว

หน่วยเมตริก(หน่วยมิล) จะใช้การวัดแบบ Thread Pitch ซึ่งจะวัดช่วงเส้นผ่านศูนย์กลางหลักระหว่างเกลียว เช่น M12x1.75px50 ซึ่งจะมีระยะห่างระหว่างเกลียว คือ 1.75 มม.

     เมื่อมองจากภายนอกนั้น ส่วนของเกลียวอาจดูเหมือนกัน แม้ว่าคุณจะใช้เครื่องมือในการวัดขนาดด้วยเวอร์เนียคาลิปเปอร์ สำหรับเส้นผ่านศูนย์กลางอาจมีผลลัพธ์ที่ออกมาได้ใกล้กัน เช่น สกรู M12 คุณอาจจะวัดขนาดของสกรูได้ประมาณ 11.88 มม. หรือประมาณ 1/2 นิ้ว” โดยคุณจะยังสามารถขันสกรูเข้ากับนอตตัวเมียตามขนาดเดียวหรือใกล้เคียงกันได้ แต่อาจจะไม่พอดีกัน บางตัวอาจแน่นหรือหลวมเกินไป เราจึงต้องใช้ Pitch gauge หรือ หวีวัดเกลียว ในการวัดขนาดให้ถูกต้องและแม่นยำที่สุด

เรามาพูดถึงประโยชน์ของนอตสกรูแบบเกลียวมิลกันดีกว่า

1. นอตสกรูแบบเกลียวมิล มีการใช้กันอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 จากประเทศฝรั่งเศส ลองนึกภาพดูสิว่า ถ้าทุกประเทศที่คุณจะไปนั้น ใช้วิธีการวัดขนาดที่แตกต่างกันออกไปเหมือนกับสกุลเงิน จะมีความซับซ้อนและยุ่งยากมากขนาดไหน? โดย International Bureau of Weights and Measures (หน่วยงานชั่งตวงและมาตรวัดระหว่างประเทศ)ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปลายศตวรรษที่ 18 ได้ตัดสินใจกำหนดมาตรฐานเพื่อควบคุมมาตรฐานการวัดขนาดไว้บนโลกนี้ จึงส่งผลให้การวัดแบบเมตริกกลายเป็นมาตรฐานสากล โดยประเทศส่วนใหญ่ในโลกจะใช้หน่วยการวัดแบบหน่วยเมตริก ยกเว้นประเทศสหรัฐอเมริกาและอีกไม่กี่ประเทศในโลก ที่ใช้มาตรฐานการวัดแบบอิมพีเรียล

     หากคุณต้องผลิตเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีนอตสกรูเป็นส่วนประกอบในงานและส่งมอบกับลูกค้าที่อยู่ในต่างประเทศเป็นหลัก คุณต้องคำนึงถึงมาตรฐานของนอตสกรูที่ใช้ในประเทศปลายทางนั้น ๆ ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในการวัดขนาดและปัญหาด้านการจัดซื้อ จัดหา นอตสกรู

     หากคุณเลือกมาตรฐานมาวัดขนาดที่มีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย จะช่วยให้คุณทำงานร่วมกับบุคคลอื่นทั่วโลกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

2. ป้องกันปัญหาในการแปลงค่าการวัดขนาดและความเข้าใจผิด

     ใช่ว่าทุกประเทศจะคุ้นเคยกับการวัดขนาดแบบนิ้ว หากคุณไม่ได้อยู่ในแวดวงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น ทำงานเกี่ยวกับ นอตสกรู เป็นวิศวกร ช่าง หรืองานแขนงอื่น ๆ ที่มีการวัดขนาดอยู่เป็นประจำ อาจจะเกิดความสับสนได้ แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะคุ้นเคยกับหน่วยวัดแบบเมตริกหรือแบบมิล ที่เราสามารถเจอได้ในชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น เมื่อเราต้องการที่จะวัดส่วนสูงของเรา เราก็จะรู้ส่วนสูงของเราเป็น ซม. (เซนติเมตร) หรือเวลาที่เราจะแจ้งระยะห่างระหว่างสถานที่ เราก็จะบอกเป็น กม. (กิโลเมตร) เป็นต้น

     คนส่วนใหญ่อาจต้องใช้เวลาในการแปลง หน่วยวัดแบบนิ้ว เป็นแบบมิล บางครั้งอาจเกิดความเข้าใจผิดหรือข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผลิตภัณฑ์ของคุณเกี่ยวข้องกับชิ้นส่วนที่ต้องมีความแม่นยำสูง ซึ่งทุก ๆ มิลลิเมตรมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

     ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังผลิตสินค้าในประเทศญี่ปุ่นด้วยหน่วยวัดแบบนิ้ว คุณอาจพบกับปัญหาในการหาซื้อเครื่องมือหรือชิ้นส่วนที่จะสามารถนำมาใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์ของคุณได้ เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นโดยส่วนใหญ่แล้วมีการใช้หน่วยวัดแบบมิล แม้ว่าจะมีเครื่องมือหรืออุปกณณ์ที่เป็นหน่วยนิ้วอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มีจำหน่ายในวงกว้างและอาจมีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากมีความต้องการในตลาดที่ต่ำ

     จะเป็นการดีกว่าที่จะรู้ว่าธุรกิจของคุณคืออะไรและทำธุรกิจกับใคร ปัจจัยนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ว่าจะใช้มาตรฐานแบบใด ไม่ควรคิดแค่การใช้งานในปัจจุบัน แต่ต้องคำนึงถึงเวลาในการซ่อมบำรุงในอนาคตด้วย